วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ร่วมทำกับทีมเรา เครือข่ายสร้างเงิน ถึงที่หมายและเส้นชัย กับการเติบโตที่ยั่งยืน สามารถ 0840377166




กุญแจMLMโตแบบยั่งยืน
'สมชาย'ทุ่มสุดชีวิตทำบทวิจัยหาคำตอบ

"สมชาย หัชลีฬหา" บิ๊กบอสค่ายเจริญโอสถฯ ทุ่มศึกษางานวิจัยขายตรงสุดชีวิต หวังไว้เป็นตำราพิชัยยุทธ์ให้คนเครือข่ายรุ่นหลังได้ใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกวิธี คาดต้นปีหน้ามีผลงานโชว์ เป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมนี้ให้เป็นที่ยอมรับ มุ่งประทับตราสู่ความยั่งยืนและมั่นคง

นายสมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย "ตลาดวิเคราะห์" ว่า ขณะนี้กำลังทำงานวิจัยในระดับด็อกเตอร์มหาวิทยาลัยสถาบัน AIT (Asian introduce of Technology) เกี่ยวกับเรื่อง Key Success For Sustainable MLM Business (กุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจ MLM เติบโตแบบยั่งยืน) สถาบัน AIT สอนเฉพาะระดับปริญญาโท และปริญญาเอกเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับเวิลด์ไวด์ มีสาขาหรือมีมหาวิทยาลัยอยู่ทั่วโลก เมื่อปีที่แล้วก็ติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียนเป็นมหาลัยชั้นดี เหตุผลที่เลือกมหาวิทยานี้ เนื่องจากสอนด้วยโปรไวเซอร์ทั้งหมด
"งานวิจัยที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษ ก็คือ "ศึกษาปัญหาของขายตรง" เพราะที่ผ่านมา คนมักพูดว่า เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง หรือเป็นอาชีพที่อายุสั้น มีคนที่ประสบความสำเร็จน้อยเพียง 20-25% เพราะว่ามันเป็นเชิงปิระมิด คนที่จะประสบความสำเร็จเป็นคนที่อยู่ข้างบนเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วทุกปัญหานั้นมีความลับของมัน ขณะเดียวกันเราก็สามารถแก้ไขมันได้หมด แต่จะแก้อย่างไร ตรงนี้ต้องทำการวิจัย ค้นหาข้อมูล ค้นหาความลับของมัน จึงเป็นเหตุให้อยากจะเข้ามาศึกษาให้รู้ถึงปัญหาตรงนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำวิจัย และในต้นปีหน้าก็คงจะสำเร็จพร้อมจบหลักสูตร"
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า ที่ไปเรียนนี้มิใช่เป็นเพราะว่าอยากจะมีชื่อนำหน้าว่า ด็อกเตอร์เพียงอย่างเดียว หรือจะนำวุฒินี้เพื่อไปทำอย่างอื่น แต่หลักจริงๆ แล้ว ต้องการที่จะวิจัยว่า ที่จริงแล้วปัญหาที่เราได้เจอสามารถจะหาบทสรุปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่คิด ปัญหาต่างๆ ที่ทุกคนได้พบนั้น หรือปัญหาที่ทุกคนรู้ เหมือนที่เรารู้ว่าควรจะแก้อย่างไร นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจที่เข้ามาศึกษาว่าจะนำสิ่งเหล่านี้ไปทำ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
ต้องยอมรับว่า รูปแบบธุรกิจขายตรงในประเทศไทย จะเป็นในรูปแบบของการเลียนแบบกัน หรือมาจากการถ่ายทอดกันมาของผู้ที่เริ่มเข้ามาในธุรกิจขายตรงที่คอยเป็นแม่แบบ มีครูไม่กี่คนในสาขาอาชีพนี้และที่เก่งจริงๆ ก็เกิดจากการเรียนรู้ที่สร้างกันขึ้นมากันเป็นธรรมเนียม และเชื่อว่าธรรมเนียมนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ ตามสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจการเมือง เช่น ถ้าบอกว่ามีเทคนิคการขายที่เก่ง แต่ก็ค้นพบว่าคนที่เป็นนักโมติเวท เก็บเอาประสบการณ์จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ จากผู้ที่อยู่ในอดีตว่า เขามีเทคนิคมากมาย และก็มาอธิบายว่าจะนำเอาเทคนิคนี้มาใช้ให้ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
"อย่าลืมว่าเทคนิคที่ประสบความสำเร็จในอดีต เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว มาเขียนเป็นตำรา และนำมาศึกษากัน มันใช้ได้ผลจริงใจปัจจุบันหรือไม่ ยิ่งเมื่อเทคนิคในวันนั้นกับตอนนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อวันนั้นคุณได้ขายสินค้าที่ไม่มีเทคโนโลยี แต่มาวันนี้คุณต้องขายสินค้าที่มีเทคโนโลยี เทคนิคการขายก็คงไม่เหมือนกัน หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคในอดีตและปัจจุบันก็ต้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น ในอดีตอาจเป็นการที่ต้องมีการสาธิตให้เห็น และชี้ให้เห็นว่ามีประโยชน์อย่างไร แต่ในยุคดิจิตอลการสาธิตอาจไม่จำเป็น ขอให้มีบทวิจัยที่ดี และเป็นที่ยอมรับ แต่ที่สำคัญเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคได้รับรู้ หรือมีความเป็นได้ว่า สามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีกว่า ถูกกว่า และแตกต่างกันอย่างไร"
ดังนี้ เมื่อใครมีเทคนิคในอดีต เขาจึงไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ทั้งหมด เทคนิคในการพูดโน้มน้าวจิตใจ ในแง่ของความตั้งใจ อารมณ์ ความรู้สึก ความจริงใจต่อลูกค้า การปิดการขายหรือ การพูดที่ใช้คำสละสลวยอาจจะใช้ได้ แต่ในแง่ของเทคนิคที่จะนำเสนอในรูปแบบใหม่ ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ อาจจะนำส่วนที่อยู่ในอดีตมาใช้ในปัจจุบันไม่ได้
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เมื่อเข้ามาในธุรกิจขายตรงแล้วได้ค้นพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะเข้ามาบอกว่า ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่านี้ถึงจะประสบความสำเร็จ แล้วก็ได้ทดลองทำตามที่บอก เมื่อได้ลงมือทำแล้วก็พบว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จ 100% อย่างที่เขาได้แนะนำ เพราะว่าหัวใจของการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ต้องเข้าใจคุณสมบัติ และความหมายที่แท้จริงก่อนว่า คำว่า ธุรกิจเครือข่าย คือ การขายและก็ขายไปเรื่อยๆ เพื่อให้ปิดการขายได้ แต่การทำขายตรงวันนี้ไม่ใช่แค่การขาย บริษัทที่สำเร็จจากการขาย เพราะต้องการที่จะกระจายสินค้า และต้องมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ ในรูปแบบมาร์เก็ตติ้งแอพโพรสต์ (Approach -การเข้าถึง) คือ การเปิดใจลูกค้าเพื่อที่จะให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า
แต่เมื่อได้เข้ามาในธุรกิจขายตรงสิ่งที่คิดแตกต่าง และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นว่าอะไรที่ทำให้คนขายตรงมั่นคง นั่นคือ การสร้างเครือข่าย เหมือนที่หลายๆ คนได้พูดกันว่า ในวันนี้ธุรกิจขายตรง คือ การสร้างเครือข่าย แต่หลายคนก็เข้าใจในความหมายผิดไป ต้องเข้าใจก่อนว่าเครือข่ายที่ได้สร้างขึ้นมานั้น ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องหรือไม่ คุณสร้างเครือข่ายอาจได้แค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว แต่ว่าการที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายจริงๆ ต้องมองว่าเครือข่ายวันนี้ ต้องมีประโยชน์ไม่ต่างจากเครือข่ายของอินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายของมือถือ คือ ต้องสะดวกและไปที่ไหนก็ได้ ที่เขาบอกว่า ทุกที่ ทุกเวลา ที่มันสะดวกสบาย
"ผมจึงอยากจะให้คำจำกัดความของคำว่า เครือข่าย ในแง่ที่ว่า เมื่อผมได้ตัดสินใจเข้ามาในธุรกิจขายตรง แล้วค้นพบว่า ถ้าเราจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้อันดับแรก คือ ต้องคิดถึงการสร้างเครือข่าย ไม่ใช่แค่การขายธรรมดา การขายเป็นแค่การเปิดใจ แต่เมื่อเปิดใจลูกค้าแล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะให้ลูกค้าอยู่กับเราตลอดไป ต้องผูกมัดหรือเชื่อมโยงด้วยเครือข่าย ความหมายของ เครือข่าย คือ การทำอย่างไรให้เครือข่ายที่เราสร้างนั้นต้องขยายแบบไร้ขีดจำกัด เมื่อขยายไปทุกครั้งแล้วต้องไม่มีใครปฏิเสธ เพราะทุกคนได้เห็นประโยชน์ในเครือข่ายนั้น"
การขยายเครือข่ายนั้นต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน แบบเสมอภาคและเป็นแบบที่พึงพอใจ เมื่อนั้นเครือข่ายจะเกิดประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในเครือข่าย หรือผู้ที่ยังไม่ร่วมอยู่ในเครือข่ายเล็งเห็นประโยชน์ เครือข่ายก็จะขยายตัวอย่างไม่รู้จบ และไม่มีขีดจำกัด เพราะมีคนเห็นประโยชน์และคุณค่าก็เดินเข้ามาในเครือข่าย เช่น คุณรู้ว่าโทรศัพท์เครือข่ายที่ไหนดีคุณก็เลือกตัดสินใจไปเป็นผู้ใช้ระบบมือถือของเครือข่ายนั้น ถ้าเครือข่ายไหนไม่ครอบคลุมคุณก็จะเลิกใช้เครือข่ายนั้น เหมือนกับอินเตอร์เน็ตถ้าเว็บไซต์ไหนที่ให้ประโยชน์ คุณก็จะเข้าเว็บไซต์นั้น และก็เข้าไปแอคเซสในการหาข้อมูลเพื่อดูข้อมูลและได้ประโยชน์จากข้อมูลนั้นๆ
ฉะนั้น เครือข่ายต้องสามารถสร้างประโยชน์ร่วมกันได้ เครือข่ายต้องไปที่ไหนก็ได้ แล้วเป็นเครือข่ายที่มีประโยชน์ที่ทำให้คนสนใจอยากเข้ามาร่วม นั่นถึงจะเรียกว่า เครือข่ายที่แท้จริง ปัญหา คือ ถ้าอย่างนั้นเราต้องค้นหาก่อนว่าเครือข่ายที่เราสร้างนั้นเป็นเครือข่ายที่มีคุณสมบัติตามนั้นจริงหรือไม่
"ย้อนไปเมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ผมเรียนรู้อะไรจากขายตรง ผมเรียนรู้ปัญหามากมาย และค้นพบว่า ถ้าจะสำเร็จต้องคิดแบบเครือข่าย และถ้าคิดแบบเครือข่ายมันก็จะมีข้อที่แตกต่างกันกับวิธีคิดแบบขายตรง และค้นพบลึกๆ ลงไปอีก จึงเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คนไม่สำเร็จในขายตรง และเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ขายตรงคู่กับคำว่า ไม่จริงใจ หรือคำว่า ไม่ยั่งยืน"
ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ คือ คนมองว่าขายตรงไม่น่าเชื่อถือ โดยพ่วงคำว่าหลอกลวงเข้าไปด้วย ความรู้สึกเหล่านี้มันจะก้องอยู่ในหูของผู้คน ฉะนั้น ผู้นำองค์กรจึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อถือ ว่าขายตรงคืออาชีพที่น่าเชื่อถือ ให้ผู้คนมีความรู้สึกว่า เหมือนกับเดินเข้าไปซื้อของในห้างฯ และรู้สึกว่า สินค้าในห้างฯ เป็นของดีมีคุณภาพ หรือการที่เรานำเงินไปฝากแบงก์ เราได้แค่สมุดฝากเงินมา 1 เล่ม แต่เรากลับชื่อถือแบงก์ว่า ไม่โกงแน่ ขายตรงยุคใหม่และในอนาคตจะต้องสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคมากถึงขนาดนั้น
อย่างในอดีต ดาวน์ไลน์มักจะมองแต่อัพไลน์เป็นแม่แบบ ไปยึดติดตัวบุคคลมากเกินไป ทั้งที่คนเราอุปนิสัยก็ไม่เหมือนกัน สิ่งแวดล้อมก็ต่างกัน จึงพบว่า ถ้าไม่มีการพัฒนาตัวเองให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อมที่ตนเองอยู่ คนนั้นก็สำเร็จถึงขั้นสูงสุดยาก เมื่อโลกขายตรงเปลี่ยนแปลงไป คนเริ่มไม่ยึดติดอัพไลน์มากเกินไป และคนเริ่มหารูปแบบใหม่ๆ มาใช้ในการขยายเครือข่าย จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างรวดเร็วในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ว่าอัพไลน์จะเก่งแค่ไหน หากโปรดักส์ไม่ดี โปรเซสไม่ดี เหมือนเราบอกว่า เรามี 3 P 1. เรามีคน แต่โปรดักส์กับโปรเซสไม่ดี ถามว่าคุณจะเก่งแค่ไหนคุณอยู่ผิดที่ก็ไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นคำว่า บริษัทขายตรงจึงมีความแตกต่างกันที่ว่า มีองค์ประกอบของความสำเร็จไม่เหมือนกัน ซึ่งในอดีตเขาบอกว่า โปรดักส์ดี บริษัทดี และคุณเป็นคนเก่งก็สามารถสำเร็จได้ แต่คำว่า ดี ของบริษัทต้องดูว่าวันนี้ไม่ใช่แค่บริหารดีอย่างเดียว ต้องมีเครื่องมือแข่งขันที่ทันสมัย หรือ Competency ความสามารถที่แข่งขันได้อย่างเดียวไม่พอ มันต้องพูดถึงคำว่า ความสามารถแข่งขันที่แตกต่างแล้วชนะได้ นั่นคือความแตกต่างของธุรกิจ หมายถึง ความได้เปรียบในเชิงแข่งขันนั่นเอง"
ฉะนั้น การทำวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น จำเป็นต้องมองปัญหาต่างๆ ของขายตรงว่ามีอะไรบ้าง และมีวิธีแก้ไขอย่างไร ทั้งหมดนี้เราต้องเก็บข้อมูลเพื่องานวิจัย ว่าสิ่งที่เรากำลังหาเครื่องมือมาวัดว่า ใช่หรือไม่ เพราะผลงานเชิงวิชาการจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาของธุรกิจขายตรงไทย
"ปัจจุบันเท่าที่ดูมายังไม่เห็นมีใครศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ ผมก็เลยอยากจะทำงานด้านวิจัยในเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในเชิงวิชาการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับอุตสาหกรรมขายตรงไทยโดยรวม" นายสมชาย กล่าวปิดท้าย

ซื้อแล้วรวย

"เจริญโอสถฯ"เขย่าขายตรงอีก
ฉีกมิติร้อนหนุนผู้นำก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง

"เจริญโอสถฯ" รุกขายตรงหนัก ผู้นำต่างทะลักเข้าร่วมธุรกิจเพียบ หลัง "จอยมาร์ท" ขายตรงสะดวกซื้อ เริ่มออกฤทธิ์พิชิตความเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง เหตุมีสินค้าขายทุกอย่าง แถมสินค้าในระบบอีกเกือบ 100 รายการ "สมชาย" เผยนโยบาย ผู้นำทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่จะได้รับเกียรติสูงสุด และมีบทบาทสำคัญเหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากบริษัทเดิมยังไงยังงั้น เพราะที่นี่คือ "เวที" ของคุณ โชว์ความพร้อมด้วยการพัฒนาเทคโนโยลีที่ทันสมัย เติมเต็มการทำงานให้สมาชิกมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวไปสู่ความร่ำรวยสมบูรณ์แบบ

นับตั้งแต่ "บริษัท เจริญโอสถฯ" ได้ปรับโครงสร้างการบริหารภายในได้ลงตัว ด้วยการชู "จอยมาร์ท" ควงคู่ไปกับขายตรงสะดวกซื้อจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้บริษัทขายตรง 4-5 ค่าย ต่างก็จับตามองความเคลื่อนไหวอย่างไม่กระพริบ

และมีบางบริษัทเริ่มเดินตามรูปแบบดังกล่าว เนื่องจากเกิดความเชื่อมั่นว่า นี่คือ วิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ธุรกิจขายตรงเกิดความยั่งยืนถาวรตลอดไป ถือเป็นช่องทางที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อซึ่งปัจจุบันมีมูลค่านับล้านล้านบาท ให้หันมาทำธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง

ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกๆ ที่ บริษัท เจริญโอสถฯ" ได้ปล่อยหมัดเด็ดออกไป ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนรบในรูปแบบ "ขายตรงสะดวกซื้อ" คงไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถที่จะไปแข่งขันกับเซ่เว่นฯ และมินิมาร์ททั่วๆ ไปได้

ปี'53มุ่งขยับ "จอยมาร์ท"
พุ่งทะยานสู่ 500 สาขา

แรกๆ "สมชาย หัชลีฬหา" ประธานกรรมการ ก็ชักจะวิตกเหมือนกัน แต่เมื่อได้เปิดสาขาอย่างบ้าคลั่งเกือบ 30 แห่งภายใน 1 ปีเศษๆ ปรากฏว่า พลิกความคาดหมาย สินค้าทุกรายการที่ร้านมินิมาร์ททั่วๆ ไปมี "จอยมาร์ท" ของเจริญโอสถฯ ก็มีหมด และที่เป็น "ไฮไลท์" สำคัญ ก็คือ การสะสมคะแนนให้กับสมาชิกเข้าระบบขายตรงเพื่อรับผลประโยชน์ต่อไป

"ผมไม่ได้มีสินค้าแค่ร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่จอยมาร์ทมีสินค้าที่มากกว่า นั่นคือ สินค้าที่อยู่ในระบบเครือข่ายอีกเกือบร้อยรายการ เพียงแต่จอยมาร์ทเป็นแหล่งกระจายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่กระจายอยู่ทั่วประเทศได้ใช้บริการซื้อง่ายขายคล่องเท่านั้นเอง เพราะแผนการของผมต้องการเปิดจอยมาร์ทให้ได้อย่างต่ำ 500 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2553 ซึ่งร้านจอยมาร์ทแต่ละแห่งจะมีรายได้จากการขายปลีกอยู่แล้ว เนื่องจากมีสินค้ากว่า 4,000 รายการ และสินค้าในระบบเครือข่ายอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้ก่อเกิดรายได้จากการบริหารศูนย์อีก นอกจากนี้ยังมีรายได้จากระบบ และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อแนวทางธุรกิจของเจริญโอสถฯ มีข้อดีกว่ามินิมาร์ททั่วไป และมีข้อดีมากกว่าขายตรงทั่วๆ ไป 3-4 ช่องทาง ทั้งปัจจุบันและอนาคตผู้บริโภคย่อมจะมองเห็นความเหนือชั้นตรงนี้ออก และตัดสินใจเลือกที่จะร่วมธุรกิจกับเจริญโอสถฯ แบบไม่มีข้อสงสัย และภาคภูมิใจ"

ภาวะวิกฤติไม่ส่งผลกระทบ
"จอยมาร์ท"แน่นปั๋งยั่งยืนมั่นคง

อย่าลืมนะว่าเดี๋ยวนี้ขายตรงหลายๆ แห่งเริ่มสร้างความหวั่นไหว และไม่มั่นคงให้กับสมาชิก ผู้คนอยู่แบบขวัญผวา ไม่รู้บริษัทจะปิดตัวเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อค หรือมีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรขึ้นเมื่อไหร่ อนาคตอันมั่นคงจะฝากไว้ที่ใครได้

เนื่องจากหลายๆ บริษัทไม่ได้สร้างความมั่นคงอย่างเป็นรูปธรรม แถมรูปแบบการดำเนินธุรกิจไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีความมั่นคงอะไร ยุคนี้แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสร้างความเชื่อถือและการันตีถึงความมั่นคงได้ ที่สำคัญ ผู้นำมืออาชีพคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเอาอนาคตไปแลก

นับตั้งแต่เปิดจอยมาร์ทขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ปัจจุบันสมาชิกมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เจริญโอสถฯ มีความเหนือชั้นในเชิงการค้าทุกด้าน บริษัทฯ ได้สนับสนุนให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ส่งผลให้ระดับผู้นำจากค่ายต่างๆ และสมาชิกเข้ามาร่วมกับบริษัทเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยิ่งภาวะวิกฤตผันผวน หลายบริษัทเกิดการปั่นป่วน ผู้คนก็เลยมองเห็นช่องทางที่ดีกว่าเลือกเจริญโอสถฯ เพื่อความมั่นคง

ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผมที่ว่า ผมไม่มีนโยบายไปรีครูทสมาชิกค่ายอื่น แต่ถ้าพวกเขานำสายงานเดินเข้ามาเพื่อแสวงหาความมั่นคงให้กับตนเอง และครอบครัว ผมก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ คนไทยเมื่อมีคนมาเยี่ยมถึงบ้านก็ต้องต้อนรับเป็นธรรมดา ผู้นำเหล่านั้นก็จะได้รับเกียรติ และมีบทบาทสำคัญเหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากบริษัทเดิมยังไงยังงั้น

"เจริญโอสถฯ มีแผนที่จะเป็นมหาชนในอนาคต ฉะนั้น ย่อมเปิดกว้างสำหรับคนเครือข่ายทุกระดับชั้น เพราะที่นี่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผู้นำเพื่อให้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งจนชั่วลูกชั่วหลาน วัดกันง่ายๆ จากที่เราเปิดสาขาในชื่อ "จอยมาร์ท" ผู้บริโภคเดินเข้าไปในร้าน เรามีของขายทุกอย่าง นี่ก็เพื่อรองรับการเติบโตแบบยั่งยืน และเป็นเครื่องการันตีที่สามารถจับต้องได้ บ่งชี้ให้เห็นเด่นชัดว่า เจริญโอสถฯ มีความมั่นคงที่สัมผัสได้จริงๆ ผมไม่ชอบขายฝันลมๆ แล้งๆ ผมชอบเอาของจริงมาโชว์ให้ทุกคนให้เห็นจะจะคาตา สิ่งนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ดีที่สุด" นายสมชายกล่าว

นำสิ่งอำนวยสะดวกหนุน
แรงส่งสมาชิกทำงานง่าย

นายสมชายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งใจเสมอมาว่า เราจะเป็นศูนย์รวมทุกอย่าง เมื่อสมาชิกเดินเข้ามาจะพบสินค้าหลากหลายที่สุด นี่คือจุดเริ่มต้นของความมั่นคง ที่สำคัญ สมาชิก ต้องก้าวให้ทันโลก เพราะโลกในปัจจุบันนี้ มันเป็นยุคของไอที ยุคแห่งการสื่อสาร ยุคแห่งการพัฒนาที่ต้องเอาเทคโนโลยีมาผสมผสาน และสามารถทำให้สมาชิกแข่งขันได้

ถ้าวันนี้เราไม่สามารถมีเครื่องมือต่อยอด ก็ไม่สามารถทำให้องค์กรมีชีวิต มีพลัง และมีเครื่องมือเพียงพอที่จะมาซัพพอร์ต องค์กรที่เราสร้างมาก็จะเสียประโยชน์เปล่า เหมือนกับเราสร้าง สร้าง สร้าง และก็ปล่อยให้มันตายไป ซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์

"เครื่องมือที่ผมคิด ก็คือ วันนี้ผมอยากสร้างเครื่องมือที่บอกว่า ทำให้เราเป็นที่ 1 เรื่องขายตรงสะดวกซื้อ และขายตรงสะดวกซื้อจะเป็นอาชีพที่มั่นคง ถ้านึกถึงขายตรงที่มั่นคงต้องนึกถึง "เจริญโอสถฯ" นั่นหมายความว่า วันนี้เราต้องมีร้านค้า ต้องมีสินค้า และต้องมีเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อ วันนี้ผมได้สร้างทีมงานวิศวกรมืออาชีพเซ็ทขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ 1 ทีม เพื่อสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่เป็นของเราเอง เพื่อก้าวสู่มาตรฐานสากลให้สามารถใช้ได้ทั่วโลก"

โชว์ความพร้อมทุกด้าน
สร้างเรื่องยากให้ง่าย

เหตุผลที่สร้าง "จอยมาร์ท" เพื่อให้ทุกคนสามารถรวมเครือข่ายได้โดยง่าย โดยมีตัวซอฟต์แวร์เป็นการตอบคำถามที่มีการพูดกันมานานว่า วันหนึ่งจะเป็นขายตรงสะดวกซื้อที่ซื้ออะไรก็ได้ ซื้อที่ไหนก็ได้แล้วมีคะแนน โดยจะมีแผน ทวิน เน็ทเวิร์ค หรือ บาลานซ์ เลค ได้ทั้ง 2 แห่ง โปรแกรมนี้จะใช้ใน "จอยมาร์ท" ได้ทุกสาขาทั่วไทย สมาชิกสามารถชวนใครมาซื้ออะไรก็ได้ แล้วสามารถบันทึกคะแนนเป็น PV ไม่ว่าจะเป็น บาลานซ์ทีม แล้วแต่เลือกว่าจะเอาแผนไหนได้ทั้งหมด

ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่า คะแนนทำไมไม่มา มันมาเฉพาะทวิน เน็ทเวิร์ค หรือมาเฉพาะตอนสิ้นเดือน แต่เมื่อใช้โปรแกรมนี้ต่อไปคะแนนมันจะมาบ่อยขึ้น จากเริ่มต้นทุก 3 วัน คะแนนจะวิ่งขึ้นมาโชว์ ต่อไปนี้ใครจะซื้อ มาม่า สบู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ใน "จอยมาร์ท" ถ้าลง PV ในบิลบาลานซ์ทีม อีก 3 วันทำการคะแนนก็จะวิ่งมาให้สมาชิกได้ดูกัน

ต่อไปถ้าระบบไม่มีปัญหาใดๆ จะส่งข้อมูลจากสาขาทั่วประเทศเข้าในบริษัทตรง โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มากระทบ และจะพัฒนาไปสู่รายวัน ทำปุ๊บคะแนนก็โชว์เลยดาวไลน์ว่าซื้ออะไรข้างล่าง มีคะแนนมาเท่าไหร่ นั่นแสดงว่าขายตรงสะดวกซื้อที่แปลงรายจ่ายของผู้คนที่ซื้ออะไรก็ได้แล้วเป็นผลประโยชน์ของสมาชิก
"ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของโปรแกรม CRB คือ โปรแกรมที่จะตอบสนองในเรื่องของบัญชีที่จะทำให้ท่านเข้าใจว่า วันนี้จะไปฝากเงินเท่าไหร่ ต้องส่งยอดเท่าไหร่ ทุกอย่างที่ผมทำก็คือสร้างเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ที่ผมพูดอยู่นี่ทำง่ายแต่เรามี Commitment ว่า ทำง่าย ได้จริง มั่นคง ไบนารี่ฟังดูเหมือนทำง่ายแต่เวลาคนทำยาก ผมเลยทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ยากสำหรับที่นี่ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ทุกอย่างทำได้ เพียงแต่ให้มีความอดทนและใจเย็นสักนิด ทุกอย่างมันจะค่อยๆ เดินขึ้นและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง"นายสมชายกล่าว


อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จในธุรกิจขายตรงอย่างยั่งยืน ...!

ผมเองในฐานะที่คร่ำหวอดในวงการขายตรงมานานกว่า 6 ปี อยากจะบอกว่าวันนี้การที่ผมได้ผ่านประสบการณ์อันมีค่ากับบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของและบริหารงานมาเอง ในบริษัทเจริญโอสถฯ ซึ่งการผ่านเหตุการณ์และอุปสรรคที่ผ่านมาทำให้ผมมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง และทำให้ผมมองอะไรได้เฉียบคมมากขึ้น จึงอยากจะนำสิ่งดีๆ มาแนะนำให้ผู้อ่านได้ทราบ อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ซึ่งในวันนี้ผมถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ถึงเรื่องราวและทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวกับความสำเร็จในธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานทำวิจัยเรื่องขายตรงโดยเฉพาะ จากสถาบัน AIT ระดับ Doctor ผม ดร.สมชาย หัชลีฬหา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจธุรกิจขาย ตรงเท่าไรนัก ด้วยธุรกิจที่ผมเริ่มต้นในธุรกิจขายตรงคือ บริษัทเจริญโอสถ มีการใช้ระบบและใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายทางขายตรง จากประสบการณ์ และการทำวิจัยที่ผ่านมา ทำให้ผมเข้าใจว่า พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันในขายตรงนั้น มีความแตกต่างและละเอียดอ่อนกว่าผู้บริโภคโดยทั่วไป

วันนี้ความรู้ที่ผมจะให้กับผู้อ่านทุกท่านซึ่งผมถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายอิสระนั่นก็คือ "อะไรเป็นกุญแจ แห่งความสำเร็จในธุรกิจขายตรงที่จะประสบ ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน" ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญทำให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้บริโภคในธุรกิจขายตรง และที่หลายคนสงสัยว่าธุรกิจขายตรงนั้นดีอย่างไร และแตกต่างอย่างไรกับธุรกิจทั่วไป หรือที่หลายท่านรู้จักในช่องทาง Modern trade อาทิ การจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ที่มี out let เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า ของตนเอง แต่ช่องทางขายตรงนั้นมีความแตกต่างตรงที่เป็นการจัดจำหน่ายโดยอาศัยผู้จำหน่ายอิสระ ที่เป็นผู้สร้างระบบเครือข่าย อาศัยการบอกต่อของสมาชิกที่เข้ามาเป็นเครือ ข่ายให้ไปบอกต่อ และสามารถทำให้คนที่ถูกบอกต่อนั้นได้ตัดสินใจมาซื้อสินค้าและเข้ามาเป็นสมาชิกในเครือข่าย

ปัญหาของธุรกิจขายตรงในการบอกต่อนั้นก็คือ วิธีการบอกต่ออย่างไรให้มีประสิทธิภาพ บอกต่ออย่างไรให้ตัดสินใจ ข้อสำคัญบอกต่อแล้วทำให้คนนั้นรู้สึกว่า เป็นอนาคตและความหวังที่จะบอกต่อตลอดไปให้เครือข่ายนั้นเติบโตยิ่งขึ้น และมีความมั่นคงตลอดไป ถ้าทุกคนได้คิดอย่างนี้และได้ทำอย่างนี้

ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาทำธุรกิจ ขายตรงก็สำเร็จได้ แต่ในองค์ประกอบนั้นไม่ได้มีแค่การบอกต่ออย่างเดียว ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งมีสาระสำคัญที่จะทำให้ผู้คนที่เข้ามานั้น ตัดสินใจง่ายและเชื่อในการนำเสนอในการบอกต่อของผู้ที่แนะนำว่าสิ่งที่ผู้แนะนำนั้น เป็นไปได้จริง สามารถทำให้ผู้ที่รับฟังเข้ารับฟังและตัดสินใจทำอย่างทุ่มเทด้วยแรงกาย แรงใจ

การทำธุรกิจขายตรงนั้นจะต้องอาศัยการตลาดเป็นหลัก ซึ่งวันนี้จะกล่าวถึง “Mar-keting Mix” คือส่วนผสมทางการตลาด ที่นักการตลาดนำมาใช้และวิเคราะห์ว่าจะทำการ ตลาดให้ประสบความสำเร็จอย่างไร แล้วมีองค์ ประกอบอะไรบ้าง ถึงจะประสบความสำเร็จในธุรกิจหรืออาชีพนั้นๆ

ซึ่งปัจจุบันนี้การตลาดได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าจะสำเร็จคงต้องมีเครื่องมือมาเสริมมาก มาย ผมจึงอยากจะนำเสนอ แนวความคิดที่นักการตลาดในปัจจุบันน่าจะได้ลองพิจารณารูปแบบของส่วนผสมการตลาดแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า “New Marketing Mix” ผมเชื่อว่าจะมีความสอดคล้องที่จะสามารถใช้ขยายผลหรือแม้แต่การใช้แผนการตลาดแบบเดิมนั้นอาจไม่เพียงพอ

ซึ่งการตลาดแบบเดิมคือ 4P’s แต่สิ่งที่ผมอยากนำเสนอเพิ่มเติม คือ 4C’s ซึ่งเป็นแนวความคิดใหม่ทางการตลาด แต่หากใช้การตลาดแบบเดิมจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จได้มากนัก ดังนั้นการนำมาผสมผสานกันซึ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ซึ่ง 4P’s ได้แก่

1. Product,

2. Price

3.Place

4.Promotion คือการตลาดแบบเก่า

แต่จะนำมาต่อยอดกับการ ตลาดแบบใหม่คือ 4C’s ได้แก่

1.Customer need, Cost to customer

2.Convenience

3.Communication

แต่ละ C นั้นจะมีส่วนเกี่ยว ข้องกับแต่ละ P ซึ่งจะผสมผสานกันอย่างลงตัว ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

เราจะมาขยายความให้มีความเข้าใจมาก ขึ้นในแง่การตลาด ของส่วนผสมทางการตลาด แบบใหม่เริ่มที่

C ตัวแรก Customer need หรือ Product วันนี้อยากให้มองถึงการผลิตสินค้าสัก 1 รายการ ต้องมองถึงความต้องการของลูกค้า เป็นหลัก หากจะนำสินค้ามาจำหน่าย สินค้านั้นเป็นที่ต้องการหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าทำให้สินค้านั้นเกิดเป็น Demand ได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะแค่ลูกค้าต้องการสินค้าแต่ไม่มีความจำเป็น ก็อาจไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยคุณภาพ คุณประโยชน์ของการใช้สินค้า และมีจุดเด่นด้านความต้องการมากกว่าสินค้าในท้องตลาดก็สามารถจะเพิ่มความต้องการของลูกค้าได้สูงขึ้น เมื่อนั้นสินค้าก็จะขายได้

Cost to customer หรือ Price นั้นปัจจุบันลูกค้ามักจะกังวลและพิจารณากับราคา เป็นหลักเพื่อตัดสินใจที่จะซื้อสินค้า ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าเรามีคู่แข่งทางการตลาดมาก ในขณะ ที่สินค้าถ้าหากเราสามารถผลิตควบคุมต้นทุนที่ต่ำป้อนสู่ตลาดได้ คือการทำให้ลูกค้าพึงพอใจในราคาสินค้าต่อสิ่งที่ได้รับ หรือจะพูดว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นคือคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเมื่อเทียบกับราคาว่าเหมาะสมกันหรือไม่ หรือมูลค่าของเงินที่จ่ายไปคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มค่าลูกค้าก็ไม่ตัดสินใจ

จะเห็นว่าการตลาดยุคใหม่จะให้ความสำคัญด้านต้นทุนทางการตลาดพร้อมกับคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก จึงจะทำให้อยู่เหนือคู่แข่งได้

Convenience หรือ Place ถ้าเทียบในยุคปัจจุบัน ในการเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าแต่ละครั้งนั้นจะต้องมาจาก Location เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้น เดินทางไม่สะดวก ความเร่งรีบและการจำกัดเรื่องของเวลา จะเห็นว่า convenience store เกิดขึ้นมากมายเพราะการตอบสนองความต้องการลูกค้า

แต่ปัญหาของธุรกิจขายตรงนั้นคือการขยายสาขาหรือ out let มากๆ นั้นอาจจะต้องมีต้นทุน จึงอาจไม่สามารถทำไปพร้อมกันได้ แต่ถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยได้ เช่น E-Business or E-commerce เมื่อสิ่งเหล่านี้อำนวยความสะดวกได้ ให้มีเครื่องมือทันสมัยในการเพิ่มช่องทางการขยายงานได้จำนวนมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจในการทำธุรกิจ และทำให้ธุรกิจง่ายมากขึ้น

Communication หรือ Promotion การที่จะโปรโมทหรือนำเสนอเพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้เรื่องราวของบริษัท ส่วนใหญ่บริษัทจะใช้การโฆษณา ประเด็นสำคัญคือจะโฆษณาอย่างไร หรือการสื่อสารแบบไหนที่จะให้ลูกค้าได้เข้าใจและสามารถนำเสนอสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อว่าสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ เป็นที่ยอมรับดังนั้นรูปแบบการโฆษณาจึงต้องอาศัยการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ที่จะสื่อและให้การบริการนั้นเข้าถึงลูกค้า

ปัจจุบันธุรกิจขายตรงที่ทำกันอยู่ส่วนมากจะเน้นเรื่องการสื่อสารของสมาชิกสู่สมาชิก แต่ถ้าไม่มีเครื่องมือช่วย การสื่อสารถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะปัญหาคือการนำเสนอที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าใจถึงคุณค่าสิ่งที่ต้อง การและได้มาคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป ทุกธุรกิจจะต้องมองเรื่องการสื่อสารเป็นหลักซึ่งมีหลายช่องทาง เช่น

PC to PC (การสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ กับคอมพิวเตอร์)Voice to Voice (การสื่อสารทางเสียง)

ในขณะที่ Face to Face เป็นการนำเสนอโดยใช้การไปพบปะและมีการพูดคุยถึงสิ่งที่จะนำเสนอ

ถ้าบริษัทใดมี Software หรือเทคโนโลยี ที่สามารถทำให้การสื่อสารระหว่างสมาชิกสู่สมาชิก หรือสมาชิกสู่บริษัทให้สามารถเชื่อมโยงกันได้และเข้าถึงซึ่งกันและกันได้ก็จะยิ่งทำให้การบอกต่อในธุรกิจขายตรง สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลง

ซึ่งผมอยากเน้นย้ำเรื่องนี้ เพราะเป็นช่องทางที่ได้ผลและเป็นช่องทางหลักในธุรกิจขายตรง เป็นที่มาของการนำเสนอ ที่มาของบริษัท สินค้า ตลอดจนการบริการ แม้แต่ Promotion ต่างๆ ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการสื่อสารก่อให้เกิดความเชื่อมั่น การใช้เครื่องมือสื่อสารทำให้บริษัทขยายผลต่อยอดธุรกิจได้ไม่ยาก

สำหรับทั้ง 4 C’s นั้น ผมอยากนำเสนอในแง่การตลาดขายตรง ถ้าหลายคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ และรู้วิธีการ และการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จากแนวความคิดใหม่ของ 4 C’s หากนำไปใช้จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่เรื่องของ 4 C’s ยังไม่จบเพียงแค่นี้ ฉบับหน้าผมจะมาขยายผลในเรื่องดังกล่าวต่อซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านอย่างมาก

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เจริญโอสถฯธุรกิจทอง


สมาชิกรับคอมมิสชั่น/3หมื่นคนต่อเดือน“เจริญโอสถฯขายตรงช่วยชาติ” ยัน 7 ปีสร้างรายได้ให้สมาชิก แล้วกว่า 2,000 ล้านส่วนปีนี้ตั้งเป้า สมาชิกเข้าแถวรับคอมมิสชั่นต่อเดือนสูงลิ่วถึง 30,000 คน พร้อมจ่ายคอมมิชชั่นสูงสุด 60% ของยอดขายรวมดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์ เนชันแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า ในอดีตที่ผ่านมา คนจะให้ความสำคัญกับธุรกิจขายตรงน้อยมาก แต่ปัจจุบันหลายคนได้เริ่มมองหาอาชีพขายตรงมากขึ้น เพราะว่าทุกๆ ครั้งที่มีวิกฤติเศรษฐกิจ ธุรกิจขายตรงก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง แม้ว่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจ ดี หลายคนที่มีรายได้ดี จะไม่ค่อยสนใจธุรกิจขายตรงก็ตาม แต่ ณ วันนี้ ธุรกิจ ขายตรงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นธุรกิจแห่งโอกาสในการสร้างงาน และ สร้างรายได้อย่างไร้ขีดจำกัด7 ปีที่ผ่านมา “เจริญโอสถฯ” ดำเนิน ธุรกิจขายตรงเติบโตมาอย่างมั่นคง โดย เฉพาะปีที่แล้ว บริษัทมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ คาดว่า จะเติบโตเพิ่ม 10% แต่ในส่วนของยอดสมาชิกที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจแล้ว เชื่อว่า น่าจะเติบโตมากกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้คนเดินเข้ามาสู่ธุรกิจ ขายตรงกันมากขึ้น แต่เมื่อดูยอดขายแล้ว จะลดน้อยลงในอัตราที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น มากเหมือนอัตราสมาชิก เช่น สมาชิกเพิ่ม 40% แต่ยอดขายเพิ่มเพียง 10% นั่นหมายความว่า กำลังซื้อของคนอาจจะน้อยลง แต่คนที่เดินเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรงกลับมีจำนวนมากขึ้น 7 ปีจ่ายคอมมิสชั่น 2 พันล้านหากมองถึงค่าคอมมิสชั่นที่บริษัทจ่ายให้กับสมาชิกแล้ว ดร.สมชายกล่าว ว่า ในแต่ละปีบริษัทจะจ่ายค่าคอมมิสชั่น ประมาณ 60% ของรายได้ อย่างปีที่แล้ว บริษัทจ่ายคอมมิสชั่น 600 ล้านบาท จากยอดขาย 1,000 ล้านบาทและรวมกับปีก่อนหน้า หรือตลอด 7 ปีที่ผ่านมา บริษัทจ่ายคอมมิสชั่นให้กับสมาชิกแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท เรียกว่า กลุ่ม คนกลุ่มหนึ่งที่มีรายได้กับเจริญโอสถฯ จะมีรายได้มากหรือน้อยก็แบ่งกันไป นั่นคือ เป็นบทพิสูจน์ว่า ทุกคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกเจริญโอสถฯ มีโอกาสรวยได้ และทุกคนสามารถคว้าเงินล้านได้โดยไม่ยาก ถามว่า เจริญโอสถฯ มีดีอะไร... ต้องย้อนดูว่า คำว่า “ดีจริง”คือ ทุกธุรกิจล้วนมีความแตกต่างกันในแง่ของคุณค่า คำว่า “ดี” ก็หมายถึง “คุณค่า” หากเราสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ คำว่า “คุณค่า” ของธุรกิจอยู่ตรงไหน...ก็อยู่ตรงที่การดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วยการ ที่ทุกคนเข้ามาร่วมกัน และก็มีประโยชน์ร่วมกันในธุรกิจนั้นๆ อย่างธุรกิจขายตรง ต้องเข้าใจก่อนว่า ผู้ที่เข้ามาร่วมในเครือข่าย ต่างมีความคาดหวัง คือ อยากมีรายได้ อยากมีอาชีพที่มั่นคง อยากที่จะสามารถ ทำให้ลูกค้าอยู่กับเขาตลอดไป สิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่เจริญโอสถฯ ได้พยายามสร้างคุณค่า และเพิ่มคุณค่าในทุกเรื่อง เพื่อให้เขาเข้าใจ และสามารถสัมผัสได้ว่า เป็นธุรกิจที่มีคุณค่า จริงๆ เหมือนดังสินค้า ถ้าสินค้าดีมีคุณภาพ ราคาถูก เชื่อว่า ใครๆ ก็อยากซื้อเช่นกัน ถ้าธุรกิจดีมีประโยชน์ และมีคุณค่า ทำง่าย ใครก็อยากเข้ามาเหมือนกันทั้งหมด คือ “คุณค่า” ที่ทุกคนไม่ปฏิเสธ และอยากเข้ามาร่วมธุรกิจเครือข่ายกับเจริญโอสถฯ10 คนรับหลักล้านต่อเดือนสำหรับความสำเร็จ หรือการมีรายได้นั้น ต้องบอกว่า ในแต่ละเดือนบริษัทจะต้อง จ่ายคอมมิสชั่นให้กับสมาชิก 30,000 คน โดยในจำนวนสมาชิก 30,000 คน มีคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปหลายพันคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือนเป็นหลักหมื่นคน สำหรับผู้มีรายได้ 7 หลัก ขณะนี้มีอยู่ 10 คน เมื่อพูดถึงความสำเร็จและความไม่สำเร็จแล้ว ต้องมาดูก่อนว่า อะไรที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ในการทำธุรกิจส่วนใหญ่แล้วมักจะมีปัญหา คือ ในแง่ของทัศนคติต่อตัวเอง เช่น ไม่เชื่อว่า อาชีพที่ทำจะทำให้ร่ำรวย อาจจะทำไม่จริง หรือมีความเชื่อไม่สม่ำเสมอ ไม่ต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่สำเร็จ มักจะมีความคิดตรงกันข้าม และคนที่สำเร็จ ทำไมเขาถึงได้ สำเร็จ แน่นอนในเมื่อเขามีความเข้าใจว่า อาชีพนี้เป็นอาชีพที่จะทำให้เขาสำเร็จและร่ำรวยจริง เมื่อตัดสินใจว่าจะรวยกับอาชีพ นี้แล้ว เขาก็จะมุ่งมั่นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เวลาที่เขามุ่งมั่นพัฒนา เขาจะมีความ เชื่อมั่นว่า ต้องสำเร็จ ต้องเรียนรู้ เขาจะเริ่มรู้แล้วว่า เขาจะต้องทำอย่างไร หาความรู้ หาวิธีการ และทำอย่างจริงจัง พอรู้แล้วทำอย่างจริงจัง และทำอย่างต่อเนื่อง ความ สำเร็จก็จะเกิดตามมา จัดฉลองชัยนักขายยิ่งใหญ่ดร.สมชายยังกล่าวถึงผลของการจัดงานประกาศเกียรติคุณ MDP เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งพิธีเปิดบริษัทได้รับเกียรติจากนายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี ท่ามกลางสมาชิกเจริญ โอสถฯจากทั่วประเทศที่เดินทางเข้ามาร่วมงานกว่า 15,000 คน ตลอดจนยังจะได้รับความร่วมมือจากบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ได้หอบหิ้วสินค้าเข้ามาร่วมแสดงภายในงานด้วยกว่า 50 บริษัท “ทุกๆ ปีที่จัดงาน จะได้รับความร่วมมือจากบรรดาสมาชิกเป็นอย่างดี นั่นเป็นเพราะว่า เจริญโอสถฯมีการพัฒนา ไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสมาชิกเก่าจะรู้ว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เจริญโอสถฯเติบโตอย่างมั่นคงมาได้อย่างไร และสิ่งที่พยายามพูดมาโดยตลอด คือ เจริญโอสถฯ จะไม่หยุดการพัฒนา เรียกว่าจะพัฒนาไม่หยุดยั้ง และจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังต้องการให้สมาชิกทุกคนมีรายได้ที่มั่นคงด้วย ฉะนั้นการจัดงานในแต่ละครั้ง ก็จะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ความสำเร็จย่อมมีให้ทุกคนได้สัมผัสอย่างแน่นอน และคนที่ประสบความสำเร็จ ก็ดูเหมือนว่า จะมีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี”7 ปีนักขายสำเร็จ 1 พันคน สำหรับนักขายตรงอิสระของเจริญโอสถฯ ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับประกาศเกียรติคุณ MDP นั้น ดร.สมชายกล่าวว่า ในปีนี้มีผู้นำ MDP ที่ประสบความสำเร็จขึ้นรับรางวัลกว่า 100 คน รวมทั้งหมดแล้วกว่า 1,000 คน ของผู้นำ MDP ที่ประสบความสำเร็จ ตลอดการดำเนินธุรกิจขายตรงเจริญโอสถฯ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และผู้ที่ขึ้นตำแหน่งสูงสุดในปีนี้ ก็มีรายได้สูงถึง 7 หลักต่อเดือน “คนที่มีรายได้ 7 หลัก ไม่ใช่เพิ่งจะมี รายได้ในปีนี้ แต่เขามีรายได้ติดต่อกันมานานแล้ว อย่างที่บอก การทำธุรกิจเครือข่าย ต้องทำให้สมาชิกมีรายได้มั่นคง มีอาชีพที่มั่นคง เมื่อมีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือก็เกิด อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขายตรง ไม่ใช่ว่าใครมาก่อนจะรวยก่อนเสมอ เพราะ ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ ต้องใช้เวลา เหมือนการซื้อลอตเตอรี่ ไม่มีใครซื้อครั้งเดียวแล้วถูกรางวัล บางคนใช้เวลานาน 3-5 ปี บางคนซื้อทั้งชีวิตก็ยังไม่ถูกเลย เหตุเพราะเอาชีวิตผูกติดไว้กับดวง แต่สำหรับธุรกิจขายตรงเจริญโอสถฯแล้ว ไม่ใช่เรื่อง ดวง แต่เป็นความสำเร็จที่สามารถจับต้อง ได้ หรือสามารถกำหนดได้ ต้องใช้เวลา ความขยัน อดทน เรียนรู้ และการพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมืออาชีพ”ชี้ขายตรงทำได้ ความเสี่ยงต่ำ สำหรับเจริญโอสถฯ ณ ปัจจุบัน มีความพร้อมมาก และมีเครื่องมือมากมายในทางธุรกิจที่จะนำพาให้องค์กรสู่การเติบโต สิ่งสำคัญ คือ การมีสินค้าหลากหลาย การมีพันธมิตรทางธุรกิจมากมาย มีเทคโนโลยีออนไลน์ และมีสาขาทั่วประเทศ สิ่งเหล่านี้ คือ เครื่องมือทางธุรกิจ โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่า คนในอาชีพ เครือข่ายทุกคน คงอยากจะทำงานที่ง่าย สะดวก และสามารถที่จะชักชวนคนเข้าเครือข่ายได้ง่ายที่สุด สิ่งที่เราทำได้ก็คือ อะไรที่เป็นเครื่องมือ อะไรที่เป็นความง่าย อะไรที่เป็นความสะดวกให้คนที่อยู่ในเครือข่ายสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก และในเวลาสั้นๆ อย่างรวดเร็ว ที่จะขึ้นสู่ตำแหน่ง ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้คนหลั่งไหล เข้ามาเจริญโอสถฯ และจากการสำรวจพบ ว่า สมาชิกใหม่ที่เข้ามาในช่วงมกราคมมีนาคมที่ผ่านมา และมีรายได้เป็นรูปธรรม แล้ว ประมาณ 14,000 คน เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีสมาชิกใหม่อยู่ที่ 10,000 คน สำหรับการเข้ามาของสมาชิกใหม่ ดร.สมชายกล่าวว่า อาจเป็นเพราะว่า ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี จึงมีคนสนใจในอาชีพขายตรงมากขึ้น ฉะนั้นการเลือกอาชีพสักอาชีพ หนึ่ง แน่นนอนว่า อาชีพอะไรที่เป็นอาชีพที่สามารถประสบความสำเร็จได้ อาชีพอะไรที่ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ และเป็นไปได้ที่จะมีรายได้อย่างมั่นคง วันนี้อาชีพขายตรง น่าจะเป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งหลายคนเริ่มยอมรับ และรับรู้ว่าเป็นอาชีพที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เมื่อทำแล้วก็สามารถมีรายได้ และเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ ตรงนี้ต่างหากที่บริษัทได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และชี้ให้เห็นว่า บริษัทจะพัฒนาเพื่อ ที่จะทำให้ทุกคนสามารถสำเร็จได้